Professional Documents
Culture Documents
Dps เงินปันผลหุ้นบุริมสิทธิ
kp = =
Pn ราคาจำาหน่ายของหุ้นบุริมสิทธิ หลังหักค่าใช้จ่ายในการจำาหน่าย
*ต้นทุนของหุ้นบุริมสิทธิไม่ต้องคิดหลังเสียภาษี เพราะเงินปันผลจ่ายของหุ้นบุริมสิทธินำามาจากกำาไรสุทธิหลังจาก
หักภาษีแล้ว
ตัวอย่าง บริษัท A ขายหุ้นบุริมสิทธ์หุ้นละ 100 บาท อัตราเงินปันผล 10% ค่าใช้จ่ายในการขายหุ้น 2.5%
10
kp =
97.50
= 10.3%
5.ต้นทุนของกำาไรสะสม...Cost of Retained Earnings: ks คือ อัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นสามัญต้องการ
เป็นต้นทุนเสียโอกาส (Opportunity Cost) ของผู้ถือหุน้ สามัญ เพราะผู้ถือหุ้นควรได้รับเงินปันผล แต่ไม่ได้รับ
เนื่องจากบริษัทนำาเงินกำาไรที่ทำามาหาได้ไปลงทุนขยายกิจการ
เงินทุนจากผู้ถือหุ้นสามัญได้มาจาก 2 แหล่ง คือ
1. กำาไรสะสม
2. การออกหุน้ สามัญจำาหน่ายเพิม่ ซึง่ จะมีตน้ ทุนสูงกว่ากำาไรสะสม เพราะต้องเสียค่าใช้จา่ ยในการจัดจำาหน่าย
การคำานวณต้นทุนของกำาไรสะสม มี 3 วิธี คือ
D1
P0 = จากสมการ
ks - g
D1
Ks = +g
P0
ตัวอย่าง บริษัท A ราคาหุ้นสามัญขณะนี้ (P0) หุ้นละ 23 บาท เงินปันผลปีปัจจุบัน (D0) 1.15 บาท
คาดว่าปีหน้าจ่ายปันผลขึ้น 8%
D1
Ks = +g
P0
=
1.15(1.08) + 8%
23
= 1.24 + 8%
23
= 1.34%
สรุป ทั้ง 3 วิธคี ำานวณ Ks จะไม่เท่ากัน คือ
วิธีที่ 1 = 11.5%
วิธีที่ 2 = 12.0%
วิธีที่ 3 = 13.4%
จะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บริหาร ผูบ้ ริหารที่ conservative จะใช้ 13.4% หรืออาจใช้ต้นทุนทั้ง 3 วิธี ถัว
เฉลี่ยกัน เพื่อป้องกันความเสี่ยง
6. ต้นทุนของหุน้ สามัญที่ออกใหม่ Cost of Newly Issued Common Stock: ke …จะมีลักษณะเหมือนหุ้นบุริมสิทธิ
แต่จะมีคา่ ใช้จ่าย ส่งผลให้มีต้นทุนสูงกว่า
ke จะสูงกว่า Ks เพราะการออกหุ้นใหม่จำาหน่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขายหุ้น
โดยคิดได้จากสมการ
D1
Ke = +g
P0(1-F)
ข้อสังเกต
1. ตันทุนของหุ้นสามัญที่ออกจำาหน่ายใหม่จะสูงกว่าต้นทุนของกำาไรสะสม (ke > Ks )
2. การนำาเงินที่ได้จากการออกจำาหน่ายหุ้นสามัญใหม่ไปลงทุนจะต้องให้ได้รับอัตราผลตอบแทนสูงกว่าเดิม เพื่อมิให้
ราคาตลาดของหุ้นสามัญลดลง
ตัวอย่าง บริษัทจำาหน่ายหุน้ สามัญเพิ่ม ราคาขายหุ้นละ 23 บาท ค่าใช้จ่ายในการขาย 10% เงินปันผลปัจจุบัน
1.15 บาท และอัตราการเจริญเติบโตของเงินปันผล 8%
1.24
Ke = + 8%
23(10.10)
= 6 + 8%
= 14.0%
WACC …ต้นทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ย
ตัวอย่าง
โครงสร้างเงินทุน จำานวน (ล้านบาท) อัตราส่วน ต้นทุนของเงินทุน
หนีร้ ะยะยาว 90 wd = 45% = 0.45 (90/200) kd(1-T) = 10%
หุ้นบุริมสิทธิ 4 wps = 2% = 0.02 (4/200) kps = 10.3%
หุ้นสามัญ (กำาไรสะสม) 106 wce = 53% = 0.53(106/200) kce= 13.4%
รวม 200 100% WACC = 10.0%
∴ WACC = wdkd(1-T) + wpskps + wceks
= 0.45(6.0%) + 0.02(10.3%) + 0.53(13.4%)
= 10.0%
8. ปัจจัยทีม่ ีผลกระทบต่อต้นทุนของเงินทุนถัวเฉลี่ย
8.1 ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้
- ระดับอัตราดอกเบี้ย
- อัตราภาษี
8.2 ปัจจัยที่ควบคุมได้
- นโยบายโครงสร้างของเงินทุน
- นโยบายเงินปันผล
- นโยบายการลงทุน
9. การปรับต้นทุนของเงินทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยง ( Adjusting the Cost of Capital for Risk )
• การยอมรับโครงการลงทุนนั้น โครงการที่มีความเสี่ยงสูงย่อมต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนสูง
• การชดเชยความเสี่ยงจึงต้องปรับต้นทุนของเงินทุนให้สูงขึ้น
ตัวอย่าง : บริษัท A มี 2 แผนก : คือ L และ H ถ้าแยกแต่ละแผนกเท่ากับ 1 บริษทั
# แผนก L ความเสี่ยงตำ่า โครงการมีผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ 9%
# แผนก H ความเสี่ยงสูง โครงการมีผลตอบแทนทีค่ าดว่าจะได้รับ 11%
สองแผนกมี ต้นทุน ประเมินโดยใช้ 10% ประเมินโดยใช้ต้นทุน
ขนาดเท่ากัน แต่ละแผนก WACC ของบริษทั แต่ละแผนก
L ความเสี่ยงสูง 7% ปฎิเสธโครงการแผนก L รับโครงการแผนก L
H ความเสี่ยงตำ่า 13% รับโครงการแผนก H ปฎิเสธโครงการแผนก H
ต้นทุนถัวเฉลี่ย 10% ตัดสินใจผิดพลาด ตัดสินใจถูกต้อง
สรุป ควรปรับต้นทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของแต่ละโครงการ
ผลของการตัดสินใจผิด
1. บริษัท พลาดโอกาสลงทุนในโครงการที่ปลอดภัย
2. บริษทั หลงผิดลงทุนในโครงการทีม่ คี วามเสีย่ งสูง โดยได้รบั ผลตอบแทนไม่คมุ้ กับความเสีย่ งทีเ่ พิม่ ขึน้ เรือ่ ย ๆ
3. บริษัทจะมีความเสี่ยงรวมสูงขึน้ ๆ โดยกำาไรที่ได้รับเพิ่มขึ้นไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึน้
4. ราคาหุ้นของบริษัทจะลดลง, ความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นลดลง
10. การประเมินความเสี่ยงของโครงการ
Stand – alone rish วัดจากความผันแปรของผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ
Corporat of With-in-firm risk วัดจากผลกระทบของโครงการที่มีต่อความไม่แน่นอนของรายได้ใน
อนาคตของบริษัท
Market of Beta risk วัดโดยดูผลกระทบของโครงการที่มีต่อค่าเบต้า (b) ของบริษัท
การลงทุนในโครงการที่มี Stand alone risk หรือมี coporate risk สูง ไม่จำาเป็นว่าจะมีผลกระทบต่อค่า beta ของ
กิจการแต่ถ้าโครงการนั้นมีความไม่แน่นอนของผลตอบแทนสูง และผลตอบแทนของโครงการนั้นมีความสัมพันธ์กับ
ผลตอบแทนของโครงการอื่น ๆ ของกิจการอย่างมาก และต่อภาวะเศรษฐกิจด้วย โครงการนั้นจะมีความเสี่ยงทั้ง 3
ประการสูง
ตามทฤษฎีความเสี่ยงทางตลาดเป็นความเสี่ยงที่สำาคัญที่สุด เพราะเป็นความเสี่ยงที่สะท้อนอยู่ในราคาหุ้น
สามัญแล้ว แต่การวัดทำาได้ยาก จึงจัดโครงการออกเป็น 3 กลุ่ม
1. ความเสี่ยงตำ่า
2. ความเสี่ยงปานกลาง
3. ความเสี่ยงสูง
ตัวอย่าง : ถ้า WACC 10% ใช้เป็นเกณฑ์ประเมินโครงการลงทุนที่มคี วามเสี่ยงปานกลาง
ใช้ 12% ประเมินโครงการที่มีความเสี่ยงสูง
ใช้ 8% ประเมินโครงการที่มีความเสี่ยงตำ่า
เรียกว่า การปรับต้นทุนของเงินทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยง
( Risk adjusted cost of capital)
สมการ CAPM = k RF + ( k M- k RF ) b
13. ปัญหาบางประการเกี่ยวกับต้นทุนของเงินทุน
1. ค่าเสื่อมราคา เป็นแหล่งของเงินทุนด้วยแต่ในบทนี้ไม่ได้กล่าวไว้
ต้นทุนของค่าเสื่อมราคา = ต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงนำ้าหนักของต้นทุนของกำาไรสะสมและต้นทุนของหนี้สิน