You are on page 1of 9

อาณาจักรธนบุรี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อาณาจักรธนบุรี

ราชอาณาจักร

← 2310–2325 →

ธงค้าขาย

แผนทีแสดงอาณาเขตของอาณาจักรธนบุรี (สีเหลือง)

เมืองหลวง กรุ งธนบุรี


ภาษา ภาษาไทย

ศาสนา ศาสนาพุทธนิกายเถรวาท

รัฐบาล สมบูรณาญาสิ ทธิ ราชย์แบบศักดินา


พระมหากษัตริย์
- 2310-2325 สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรี

ยุคประวัติศาสตร์ ยุคใหม่
- สถาปนา 28 ธันวาคม 2310
- สิ นรัชกาลสมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรี 6 เมษายน 2325

อาณาจักรธนบุรี เป็ นอาณาจักรทีมีระยะเวลาสันทีสุ ดของไทย คือระหว่าง พ.ศ. - ระยะเวลา ปี มีพระมหากษัตริ ย ์


ปกครองเพียงพระองค์เดียว คือ สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรี ภายหลังอาณาจักรอยุธยาล่มสลายไปพร้อมกับการเสี ยกรุ งศรี อยุธยาครังทีสอง ทว่า
ในเวลาต่อมา สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริ ยศ์ ึกได้ปราบดาภิเษกขึนเป็ นพระมหากษัตริ ย ์ และทรงย้ายเมืองหลวงไปยังฝังตะวันออกของแม่นาํ
เจ้าพระยา คือ กรุ งเทพมหานครในปั จจุบนั

เนือหา
[ซ่อน]

 ประวัติ
o . การกอบกูเ้ อกราช
o . การรวมชาติและการขยายตัว
o . การสิ นสุ ด
 การปกครอง
o . การปกครองส่ วนกลาง
o . การปกครองส่ วนภูมิภาค
 เศรษฐกิจ
 สังคม
o . ชนชันทางสังคม
o . การศึกษา
 วัฒนธรรม
o . วรรณกรรม
 ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
 ลําดับเหตุการณ์สาํ คัญในสมัยกรุ งธนบุรี ( - )
 อ้างอิง
 บรรณานุกรม
 แหล่งข้อมูลอืน

ประวัติ[แก้]
การกอบกู้เอกราช[แก้]
ดูบทความหลักที: การกอบกู้เอกราชของเจ้ าตาก
เมือครังสมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรีรับราชการเป็ นพระยาตากในระหว่างสงครามการเสี ยกรุ งศรี อยุธยาครังทีสอง[ ] พระยาตากได้ถอนตัว
จากการป้องกันพระนครพร้อมกับทหารจํานวนหนึงเพือไปตังตัว โดยนําทัพผ่านบ้านโพสามหาร บ้านบางดง หนองไม้ทรุ ง เมือง
นครนายก เมืองปราจีนบุรีพทั ยา สัตหีบ ระยอง โดยกลุม่ ผูส้ นับสนุนพระยาตากได้ยกย่องให้เป็ น "เจ้า"[ ] และตีได้เมืองจันทบุรีและตราด เมือ
เดือนมิถนุ ายน พ.ศ. [ ]
ในเวลาใกล้เคียงกัน ฝ่ ายกองทัพพม่าได้คงกําลังควบคุมในเมืองหลวงและเมืองใกล้เคียงประมาณ , คน โดยมีสุกีเป็ นนายกอง ตัง
ค่ายอยูท่ ีบ้านโพธิสามต้น พร้อมกันนัน พม่าได้ตงนายทองอิ
ั นให้ไปเป็ นผูด้ ูแลรักษาเมืองธนบุรีไว้ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้วา่ อาณาจักรอยุธยาจะสิ น
สภาพลงไปแล้ว แต่ยงั มีหวั เมืองอีกเป็ นจํานวนมากทีไม่ได้รับความเสี ยหายจากศึกสงคราม หัวเมืองเหล่านันจึงต่างพากันตังตนเป็ นใหญ่ในเขต
อิทธิพลของตน ส่ วนทางด้านพระยาตากเองก็สามารถรวบรวมกําลังได้จนเทียบได้กบั หนึงในชุมนุมทังหลายนัน โดยมีจนั ทบุรีเป็ นฐานทีมัน
ต่อมา พระยาตากจึงนํากําลังทีรวบรวมประมาณ , คน ตีเมืองธนบุรีและอยุธยาคืนจากข้าศึก เสร็ จแล้วจึงสถาปนาตนเองขึนเป็ น
พระมหากษัตริ ยแ์ ห่งกรุ งศรี อยุธยา[ ] และทรงสร้างเมืองหลวงใหม่ คือ กรุ งธนบุรี[ ]

การรวมชาติและการขยายตัว[แก้]
ดูเพิมเติมที: สภาพจลาจลหลังการเสียกรุ งศรี อยุธยาครั งทีสอง และ การสงครามสมัยสมเด็จพระเจ้ ากรุ งธนบุรี
ครันเมือพระเจ้ามังระแห่งอาณาจักรพม่าทรงทราบข่าวเรื องการกอบกูเ้ อกราชของไทย พระองค์จึงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าเมือง
ทวายคุมกองทัพมาดูสถานการณ์ในดินแดนอาณาจักรอยุธยาเดิม เมือปลาย พ.ศ. แต่กถ็ ูกตีแตกกลับไปโดยกองทัพธนบุรี ซึงสมเด็จพระเจ้า
กรุ งธนบุรีทรงนําทัพมาด้วยพระองค์เอง[ ]
ต่อมา สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรีจึงโปรดให้จดั เตรี ยมกําลังเพือทําลายคู่แข่งทางการเมือง เพือให้เกิดการรวมชาติอย่างมีประสิ ทธิภาพ ใน
ปี พ.ศ. ทรงมุ่งไปยังเมืองพิษณุโลกเป็ นแห่งแรก ทว่า กองทัพธนบุรีพา่ ยต่อกองทัพพิษณุโลก ณ ปากนําโพ จึงต้องเลือนการโจมตีออกไป
ก่อน แต่ภายหลังเจ้าพิษณุโลกถึงแก่พิราลัย ชุมนุมพิษณุโลกอ่อนแอลงและตกอยูภ่ ายใต้อิทธิพลของเจ้าพระฝางแทน
สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรีได้เปลียนเป้าหมายไปยังชุมนุมเจ้าพิมาย เนืองจากทรงเห็นว่าควรจะปราบชุมนุมขนาดเล็กเสี ยก่อน กรมหมืน
เทพพิพธิ สู ้ไม่ได้ ทรงจับตัวมายังกรุ งธนบุรี และถูกประหารระหว่างเดือนตุลาคม-เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. [ ] เมือขยายอํานาจไปถึงหัวเมือง
ลาวแล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรีทรงพยายามใช้พระราชอํานาจของพระองค์ช่วยให้ นักองราม เป็ นกษัตริ ยก์ มั พูชา โดยพระองค์โปรดให้ กรม
พระราชวังบวรมหาสุรสิ งหนาท เป็ นแม่ทพั ไปตีกมั พูชา แต่ไม่สาํ เร็ จ[ ]
ในปี พ.ศ. สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรีทรงมีศุภอักษรไปยังสมเด็จพระนารายณ์ราชา เจ้ากรุ งเขมร โดยให้ส่งเครื องราชบรรณาการ
มาถวายตามประเพณี แต่สมเด็จพระนารายณ์ราชาปฏิเสธ พระองค์ทรงขัดเคืองจึงให้จดั เตรี ยมกองกําลังไปตีเมืองเสี ยมราฐ และเมืองพระ
ตะบอง อันเป็ นช่วงเวลาเดียวกับทีพระองค์ได้ส่งพระยาจักรี นาํ กองทัพไปปราบเจ้าเมืองนครศรี ธรรมราช เมือทรงทราบข่าวทัพพระยาจักรี ไป
ติดขัดทีไชยา จึงทรงส่ งทัพหลวงไปช่วย จนตีเมืองนครศรี ธรรมราชได้เมือเดือน ฝ่ ายแม่ทพั ธนบุรีในเขมรไม่ได้ข่าวพระเจ้าแผ่นดินมานาน
จึงเกรงว่าบ้านเมืองจะไม่สงบ รี บยกกองทัพกลับบ้านเมืองเสี ยก่อน และทําให้การโจมตีเขมรถูกระงับเอาไว้
ในปี พ.ศ. สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรีทรงยกกองทัพขึนไปปราบชุมนุมเจ้าพระฝาง โดยตีได้เมืองพิษณุโลก และตามไปตีชุมนุม
เจ้าพระฝางเมืองสวางคบุรีได้ และทรงประทับ ณ เมืองสวางคบุรี เพือสมโภชการสําเร็ จศึก และจัดการการปกครองและคณะสงฆ์หวั เมืองฝ่ าย
เหนือใหม่ตลอดฤดูนาํ เดือนเศษ ซึงนับเป็ นชุมนุมอิสระสุ ดท้ายหลังเสี ยกรุ งศรี อยุธยาครังที โดยเฉพาะอย่างยิงการศึกปราบชุมนุมก๊กเจ้าพระ
ฝางได้นนั นับเป็ นการพระราชสงครามสุ ดท้ายที ทําให้สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรีทรงบรรลุพระราชภารกิจสําคัญ ในการรวบรวมพระราชอาณา
เขตให้เป็ นปึ กแผ่นหนึงเดียวดังเดิมหลังภาวะจลาจลเสี ยกรุ งศรี อยุธยาแก่พม่า ในปี พ.ศ. และทําให้สินสุ ดสภาพจลาจลการแยกชุมนุม
อิสระภายหลังการเสี ยกรุ งศรี อยุธยาครังทีสอง และนับเป็ นการสถาปนากรุ งธนบุรีได้อย่างเบ็ดเสร็ จสมบูรณ์ เมือสําเร็ จศึกปราบชุมนุมก๊กเจ้าพระ
ฝาง ในปี พ.ศ. [ ]
ส่ วนนีรอเพิมเติมข้ อมูล คุณสามารถช่วยเพิมข้อมูลส่วนนี
ได้

การสิ นสุ ด[แก้]


ดูเพิมเติมที: การสวรรคตของสมเด็จพระเจ้ ากรุ งธนบุรี
หลักฐานส่ วนใหญ่กล่าวว่า เกิดเหตุจลาจลในปลายรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าตากสิ นมหาราช คือ พระยาสรรค์ได้ตงตั ั วเป็ นกบฏ ได้บุก
มาแล้วบังคับให้พระองค์ผนวช ขณะนัน สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริ ยศ์ ึกทรงทําศึกอยูท่ ีกัมพูชา ทรงทราบข่าวจึงได้เสด็จกลับมายังกรุ ง ได้
ปราบปรามจลาจลแล้ว สื บสวนหารื อควรสําเร็ จโทษสมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรี
สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริ ยศ์ ึกได้ปราบดาภิเษกขึนเป็ นพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริ ยแ์ ห่งราชวงศ์
ํ าพระยา และในต่อมาได้พระราชทานนามใหม่วา่ กรุ งรัตนโกสิ นทร์ สมเด็จ
จักรี และโปรดเกล้าให้ยา้ ยราชธานีมายังฝังตะวันออกของแม่นาเจ้
พระมหาอุปราช เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทกั ษ์ พระราชโอรสพระองค์โตในสมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรี ถูกสําเร็ จโทษด้วยท่อนจันทน์เช่นกัน

การปกครอง[แก้]
การปกครองในสมัยกรุ งธนบุรีนนั ดัดแปลงมาจากกรุ งศรี อยุธยา โดยแบ่งออกเป็ น ประเภท ดังนี

การปกครองส่ วนกลาง[แก้]
กรุ งธนบุรีเป็ นศูนย์กลาง มีอคั รมหาเสนาบดีตาํ แหน่ง " เจ้าพระยา " จํานวน ท่าน ได้แก่

 สมุหนายก เป็ นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรื อน เป็ นผูด้ ูแลหัวเมืองฝ่ ายเหนือ ทังในราชการฝ่ ายทหารและพลเรื อน ในฐานะเจ้าเสนาบดี
กรมมหาดไทย ผูเ้ ป็ นจะมียศเป็ น "เจ้าพระยาจักรี ศรี องครักษ์" หรื อทีเรี ยกว่า "ออกญาจักรี "
 สมุหพระกลาโหม เป็ นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายทหาร เป็ นผูด้ ูแลหัวเมืองฝ่ ายใต้ทงปวง ั ยศนันก็จะมี "เจ้าพระยามหาเสนา" หรื อทีเรี ยกว่า
"ออกญากลาโหม"
ส่ วนจตุสดมภ์นนยั
ั งมีไว้เหมือนเดิม มีเสนาบดีตาํ แหน่ง " พระยา " จํานวน ท่าน ได้แก่

 กรมเวียง หรื อ นครบาล มีพระยายมราชทําหน้าทีดูแล และ รักษาความสงบเรี ยบร้อยภายในพระนคร


 กรมวัง หรื อ ธรรมาธิกรณ์ มีพระยาธรรมาธิกรณ์ ทําหน้าทีดูแลความสงบเรี ยบร้อยในเขตพระราชฐาน
 กรมคลัง หรื อ โกษาธิบดี มีพระยาโกษาธิบดี ทําหน้าทีดูแลการซือขายสินค้า ภายหลังได้รับการแต่งตังให้ดูแลหัวเมืองฝ่ ายตะวันออก
ด้วย
 กรมนา หรื อ เกษตราธิการ มีพระยาพลเทพ ทําหน้าทีดูแลการเกษตรกรรม หรื อ การประกอบอาชีพของประชากร
การปกครองส่ วนภูมภิ าค[แก้]

 หัวเมืองชันใน จะมีผ้รู ังเมือง เป็ นผูป้ กครอง จะอยูร่ อบๆไม่ไกลจากราชธานี

 เมืองพระยามหานคร จะแบ่งออกได้เป็ น เมืองเอก โท ตรี จัตวา มีเจ้าเมืองเป็ นผูป้ กครอง


 เมืองประเทศราช คือเมืองทีจะต้องส่ งเครื องราชบรรณาการมาให้กรุ งธนบุรี ซึงในขณะนัน จะมี นครศรี ธรรมราช เชียง
แสน เชียงใหม่ ลําปาง ลําพูน พะเยา แพร่ น่าน ปั ตตานี ไทรบุรี ตรังกานู มะริ ดตะนาวศรี พุทไธมาศ พนมเปญ จําปาศักดิ หลวง
พระบาง และ เวียงจันทน์ ฯลฯ

เศรษฐกิจ[แก้]
ราคาข้ าว

ปี ราคา

ต้นรัชกาล ถังละเท่ากับทองคําครึ งบาท [10]

2311-2312 เกวียนละ 160 บาท [11]

2313 เกวียนละ 3 ชัง [12]

2317 เกวียนละ 10 ตําลึง [11]

ช่วงต้นรัชกาล สภาพบ้านเมืองเสี ยหายจากการสงครามอย่างหนัก เกิดทุพภิกขภัยครังร้ายแรงทีสุ ดในประวัติศาสตร์ ไทย[ ] เนืองจาก


ขาดการทํานามานาน ราคาข้าวในอาณาจักรสู งเกือบตลอดรัชกาล ก่อนจะค่อย ๆ ลดลงในตอนปลายรัชกาล จะมีเพิมสู งขึนบ้างก็ในปี พ.ศ.
ทีเกิดหนูระบาด[ ]สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรีทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ซือข้าวมาให้แก่ราษฎรทังหลาย ช่วยคนได้หลายหมืน[ ] ทังยังกระตุน้ ให้
ชาวบ้านทังหลายเข้ามาอาศัยอยูใ่ นกรุ งด้วย
นอกจากนี พระองค์ยงั ได้ทรงทํานุบาํ รุ งการค้าขายทางเรื อกับต่างชาติ เนืองจากไม่อาจพึงรายได้จากภาษีอากรจากผูค้ นทียังคงตังตัว
ไม่ได้ อีกทังการส่งเสริ มการขายสิ นค้าพืนเมืองยังเป็ นการสร้างงานให้กบั ชาวบ้าน โดยพระองค์ได้ทรงพยายามผูกไมตรี กบั จีนเพือทีจะให้เกิด
ประโยชน์ทางการค้ามากยิงขึน[ ][ ][ ]
ผลดีประการหนึงของสงครามคราวเสี ยกรุ งคือมีผคู ้ นอพยพมาสร้างความเจริ ญแก่ทอ้ งทีอืนให้ดีขึนกว่าสมัยอยุธยามาก[ ] กรุ งธนบุรีได้
กลายมาเป็ นเมืองท่าทีสําคัญทีสุ ดของไทยแทนกรุ งศรี อยุธยาเดิมทีถูกเผาทําลายไป[ ] และเนืองจากเมืองมะริ ดและตะนาวศรี ได้ตกเป็ นของพม่า
อย่างถาวร จึงทําให้เมืองถลางได้กลายเป็ นเมืองท่าสําคัญในการค้าขายกับต่างชาติทางฝังทะเลอันดามันแทน โดยในสมัยอยุธยามีความสําคัญ
เป็ นเมืองท่าลําดับสอง และมีดีบุกเป็ นจํานวนมาก[ ] เช่นเดียวกับเมืองไชยาและเมืองสงขลาทีเจริ ญก้าวหน้ากว่าในสมัยอยุธยาเดิม ชาวต่างชาติยงั
เขียนอีกว่า ท้องทีใดมีชาวจีนอาศัยอยูม่ าก ท้องทีแห่งนันย่อมเจริ ญแน่ เพราะคนจีนขยันกว่าคนไทย[ ]
ไทยมีรากฐานเศรษฐกิจดี มีภูมิประเทศและภูมิอากาศเอือต่อเกษตรกรรม เมือเว้นว่างจากศึกสงคราม เสบียงอาหารก็บริ บูรณ์ขนดั
ึ งเดิม
ฝ่ ายคนจีนและคนไทยบางส่ วนได้เอาเงินและทองทีบรรพชนเก็บไว้ในพระพุทธรู ปไป บ้างก็ทาํ ลายพระพุทธรู ปและพระเจดียเ์ สี ยเพือเอาเงิน
บาทหลวงคอร์ ระบุวา่ "การทีประเทศสยามกลับตังแต่ได้เร็ วเช่นนี ก็เพราะความหมันเพียรของพวกจีน ถ้าพวกจีนไม่ใช่เป็ นคนมักได้แล้ว ใน
เมืองไทยทุกวันนีคงไม่มีเงินใช้เป็ นแน่"[ ]

สังคม[แก้]
ชนชันทางสั งคม[แก้]
สภาพสังคมไทยสมัยกรุ งธนบุรี มีลกั ษณะคล้ายคลึงกับสมัยอยุธยา คือมีการแบ่งชนชันออกเป็ น

1. พระมหากษัตริ ย ์
2. พระบรมวงศานุวงศ์
3. ขุนนาง
4. ไพร่ เป็ นชนชันทีมีมากทีสุ ดในสังคม[ต้องการอ้างอิง]
5. ทาส
หลังจากบ้านเมืองแตกแยก เพราะการล่มสลายของอาณาจักรอยุธยาแล้ว เมือพระเจ้ากรุ งธนบุรีได้รวบรวมอาณาจักรเป็ นปึ กแผ่น พม่า
จึงเล็งเห็นว่า ไม่ตอ้ งการให้อาณาจักรสยามเจริ ญได้อีก จึงต้องมีการรบรากันอยูบ่ ่อย การเรี ยกกําลังพลจึงเป็ นสิ งสําคัญอย่างยิง เพือป้องกันการ
หลบหนี พระเจ้ากรุ งธนบุรีจึงตรากฎหมายการสักเลกขึน โดยไพร่ ชายใดอายุถึงกําหนด ต้องสักเลก เพือให้สามารถตรวจสอบจํานวนคนได้ และ
ถ้าหากมีการหลบหนีเมือใด อาจจะมีโทษถึงประหารชีวติ โดยพระเจ้ากรุ งธนบุรีจะเป็ นผูต้ ดั สินคดีดว้ ยตัวของพระองค์เอง ส่ วนชนชันอืน ๆ ที
เหลือนันก็มีโครงสร้างทีคล้ายคลึงกับอยุธยา

การศึกษา[แก้]
สมัยกรุ งธนบุรีเป็ นระยะเวลาทีบ้านเมืองยังไม่สงบเรี ยบร้อย การฟื นฟูการศึกษาจึงทําได้ไม่มากนัก แต่วดั ก็ยงั เป็ นแหล่งทีให้การศึกษา
อยู่ โดยมีแต่เด็กผูช้ ายเท่านันทีมีโอกาสศึกษา เพราะต้องอยูก่ บั พระทีวัดเรี ยนหนังสื อและได้รับการอบรมความประพฤติ เรี ยนพระธรรม ภาษา
บาลีสันสกฤต และศัพท์เขมร เพือประโยชน์ในการอ่านคัมภีร์พระพุทธศาสนา นอกจากนีมีวชิ าเลข เน้นมาตรา ชัง ตวง วัด มาตราเงินไทย และ
การคิดหน้าไม้ ซึงจะต้องนําไปใช้ในชีวติ ประจําวัน มีวชิ าช่างฝี มือสําหรับเด็กโต ส่ วนใหญ่เกียวกับงานช่างก่อสร้าง เพือประโยชน์ในการบูรณะ
ซ่อมแซมเสนาสนะ และสิ งก่อสร้างภายในวัด สําหรับการเรี ยนวิชาชีพโดยตรงนันเป็ นหน้าทีของพ่อแม่ ใครมีอาชีพอะไรก็ถ่ายทอดวิชานันๆ
ให้แก่ลูกหลานของตนตามสายตระกูล เช่น วิชาแพทย์แผนโบราณ วิชาช่างปั น ช่างถม ช่างแกะสลัก ช่างปูนปั น ช่างเหล็ก ช่างเงิน ช่างทอง ส่ วน
การศึกษาสําหรับเด็กหญิง จะถือตามประเพณี โบราณคือ เรี ยนเย็บปั กถักร้อย ทํากับข้าว การจัดบ้านเรื อน การฝึ กอบรมมารยาทของกุลสตรี
สังคมสมัยนันไม่นิยมให้ผหู ้ ญิงเรี ยนหนังสื อ จึงมีนอ้ ยคนทีอ่านออกเขียนได้[ ]

วัฒนธรรม[แก้]
รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสิ นมหาราชแม้จะไม่ยาวนานนักได้ฟืนฟูปรับปรุ งบ้านเมืองในด้านวัฒนธรรมอย่างมากเช่น ด้านศาสนา
ได้แต่งตังพระสังฆราช ด้านศิลปะผลงานไม่เด่นชัด ด้านการศึกษาเด็กผูช้ ายจะมีโอกาสได้เรี ยนเท่านัน

วรรณกรรม[แก้]
ถึงแม้วา่ กรุ งธนบุรีจะดํารงอยูเ่ ป็ นเวลาอันสัน วรรณกรรม วรรณคดีทงหลายถู
ั กทําลายลง แต่กม็ ีเวลาทีจะมาฟื นฟูศิลปวัฒนธรรม

 สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรี
บทละครเรื องรามเกียรติ พระราชทานเมือปี พ.ศ. อันเป็ นปี ที ในรัชกาลพระองค์ บทละครเรื องรามเกียรติฉบับนีมี ตอน
แบ่งออกเป็ น เล่ม

 นายสวน มหาดเล็ก ซึงแต่งโคลงสี สุ ภาพ แต่งขึนเพือยกพระเกียรติและสรรเสริ ญ สมเด็จพระเจ้ากรุ งธนบุรี บท เป็ น


สํานวนทีเรี ยบง่าย แต่ทรงคุณค่าด้วยเป็ นหลักฐานทีคนรุ่ นต่อมาได้ทราบถึงสภาพบ้านเมืองและความเป็ นไปในยุคนัน[ ]
 หลวงสรวิชิต (หน) ซึงต่อมาในสมัยกรุ งรัตนโกสิ นทร์ มีบรรดาศักดิเป็ นเจ้าพระยาพระคลัง (หน) งานประพันธ์ของท่านเป็ น
ทีรู ้จกั และแพร่ หลาย จนถึงปั จจุบนั เช่น สามก๊ก เป็ นต้น ส่ วนในสมัยกรุ งธนบุรี ประพันธ์เรื อง ลิลิตเพชรมงกุฎ (พ.ศ. -
) และอิเหนาคําฉันท์ (พ.ศ. )

 พระยามหานุภาพ
นิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน หรื อ นิราศกวางตุง้ แต่งเมือปี พ.ศ.

ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ[แก้]
ดูบทความหลักที: ความสัมพันธ์ กบั ต่ างชาติสมัยกรุ งธนบุรี

ลําดับเหตุการณ์สาํ คัญในสมัยกรุ งธนบุรี ( - )[แก้]


 พ.ศ.
 พระยาวชิรปราการ ทรงกอบกูเ้ อกราชครังที ให้กบั กรุ งศรี อยุธยาได้สาํ เร็จ และทําพิธีปราบดาภิเษกเป็ น
พระมหากษัตริ ย ์ พระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที ขณะมีพระชนมายุได้ พรรษา และสถาปนา กรุ งธนบุรี
เป็ นราชธานีใหม่แทนกรุ งศรี อยุธยา
 พ.ศ.
 เริ มปราบชุมนุมเจ้าพระยาพิษณุโลก แต่ไม่สาํ เร็ จ ปราบชุมนุมเจ้าพิมายสําเร็ จเป็ นชุมนุมแรก
 พ.ศ.
 ปราบชุมนุมเจ้านครศรี ธรรมราชสําเร็จ ยกทัพไปตีเขมรครังแรกแต่ไม่สาํ เร็จ
 พ.ศ.
 ยกทัพไปตีเขมรครังที และสามารถปราบเขมรไว้ในอํานาจ นายสวนมหาดเล็กแต่งโคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุ ง
ธนบุรี
 พ.ศ.
 พม่ายกทัพมาตีเมืองพิชยั ครังที แต่ไม่สาํ เร็ จ
 พ.ศ.
 รบชนะพม่าทีมาตีเชียงใหม่ ครังที ทําให้เกิดวีรกรรมพระยาพิชยั ดาบหัก
 พ.ศ.
 รบชนะพม่าทีบางแก้ว ราชบุรี พม่าถูกจับและเสี ยชีวติ ไปมากมาย ไทยตีเมืองเชียงใหม่ครังที ได้สาํ เร็ จ
 พ.ศ.
 พม่ายกทัพใหญ่มาตีหวั เมืองเหนือแต่ไม่สาํ เร็ จ ถูกจับเป็ นเชลยหลายหมืนคน
 พ.ศ.
 พม่ายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่แต่ไม่สาํ เร็ จ
 พ.ศ.
 โปรดเกล้าฯให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริ ยศ์ ึก กับเจ้าพระยาสุ รสีห์ไปตีเวียงจันทน์ได้อญั เชิญพระแก้วมรกตและ
พระบางมาไว้ที กรุ งธนบุรี พระแก้วมรกตประดิษฐ์ไว้ทีวัดอรุ ณฯ ส่ วนพระบางคืนไปในสมัยรัชกาลที
 พ.ศ.
 เกิดจลาจลในเขมร โปรดฯให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริ ยศ์ ึกฯ เจ้าพระยาสุ รสี ห์ เจ้าฟ้ากรมขุนอินทรพิทกั ษ์
พระองค์เจ้าจุย้ ยกทัพไปตีกรุ งกัมพูชา แต่ยงั ไม่ทนั สําเร็ จก็เกิดจลาจลในกรุ งธนบุรีเสี ยก่อน หลวงสรวิชิต(หน) แต่ง
อิเหนาคําฉันท์
 พ.ศ.
 ส่ งทัพไปปราบจลาจลในเขมร
 พระยาสรรค์เป็ นกบฏ
 พ.ศ.
 สมเด็จพระเจ้าตากสิ นมหาราช เสด็จสวรรคตเมือวันที เมษายน พ.ศ. กรุ งธนบุรีสินสุ ดลง

อ้างอิง[แก้]
1. กระโดดขึน↑ John Bowman. Columbia Chronologies of Asian History and Culture. Columbia
University Press. p. 514. ISBN 0231110049.
2. กระโดดขึน↑ วัลลภา รุ่ งศิริแสงรัตน์. ( ). บรรพบุรุษไทย: สมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสิ นทร์ ตอนต้ น. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า
3. กระโดดขึน↑ สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพ. ( ). ไทยรบพม่ า. มติชน. น.
4. กระโดดขึน↑ จรรยา ประชิตโรมรัน. ( ). สมเด็จพระเจ้ าตากสิ นมหาราช. สํานักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หน้า
5. กระโดดขึน↑ ภัทรธาดา, เอกสารบรรยายพระราชประวัติสมเด็จพระเจ้ ากรุงธนบุรี (ชลบุรี:พฤษภาคม ๒๕๒๔) หน้า ๙-๑๐.
6. กระโดดขึน↑ สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพ. ( ). ไทยรบพม่ า. มติชน. น. -
7. กระโดดขึน↑ นิธิ เอียวศรี วงษ์. หน้า .
8. กระโดดขึน↑ นิธิ เอียวศรี วงศ์. หน้า .
9. กระโดดขึน↑ _________________. (ม.ป.ป.). พระราชพงษาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ระหว่างจลาจล จุลศักราช ๑๑๒๙-๑๑๓๐.
กรุ งเทพฯ : (ม.ป.ท.). หน้า -
10. กระโดดขึน↑ ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
11. ↑ กระโดดขึนไป: . 11.1 ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
12. กระโดดขึน↑ ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
13. กระโดดขึน↑ ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
14. กระโดดขึน↑ ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
15. กระโดดขึน↑ ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
16. กระโดดขึน↑ Chris Baker (writer), Pasuk Phongpaichit. A History of Thailand. Cambridge
University Press. p. 32. ISBN 0521816157.
17. กระโดดขึน↑ Editors of Time Out. Time Out Bangkok: And Beach Escapes. Time Out.
p. 84. ISBN 1846700213.
18. กระโดดขึน↑ Paul M. Handley. The King Never Smiles. Yale University Press.
p. 27. ISBN 0300106823.
19. กระโดดขึน↑ ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
20. ↑ กระโดดขึนไป: . 20.1 ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
21. กระโดดขึน↑ ชัย เรื องศิลป์ . หน้า - .
22. กระโดดขึน↑ ชัย เรื องศิลป์ . หน้า .
23. กระโดดขึน↑ พระมหากษัตริ ยไ์ ทย : ธ ครองใจไทยทังชาติ. กรุ งเทพฯ : โอเดียนสโตร์, . หน้า : 244-245
24. กระโดดขึน↑ กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ, คุณหญิง ( ). วรรณกรรมสมัยธนบุรีและรั ตนโกสิ นทร์ ฉบับแปล. โครงการวรรณกรรม
อาเซี ยน. ISBN 9742722935. Check date values in: |date= (help)
บรรณานุกรม[แก้]
 นิธิ เอียวศรี วงศ์ (2550). การเมืองไทยสมัยพระเจ้ ากรุ งธนบุรี. มติชน. ISBN 9789740201779. Check date
values in: |date= (help)
 ชัย เรื องศิลป์ ( ). ประวัติศาสตร์ ไทยสมัย พ.ศ. ๒๓๕๒-๒๔๕๓ ด้ านเศรษฐกิจ. ไทยวัฒนา
พานิช. ISBN 9740841244. Check date values in: |date= (help)

You might also like