You are on page 1of 4

8 มิ.ย.

2561

ยุคกลาง(Middle Ages ค.ศ.500-1400)



1.ลักษณะสังคมโดยทัวไป
1.1 ภู มห
ิ ลังทางด้านประวัติศาสตร ์
ี่
“ยุคกลาง”มีทมาจากนั กเขียนชาวอิตาลี
สมัยฟื ้นฟูศล ่
ิ ปะวิทยาการ โดยเป็ นช่วงเวลากึงกลางระหว่
างยุค
กรีก-โรมันกับยุคฟื ้นฟูศล
ิ ปะวิทยา
1.2 ยุคกลางตอนต้น (Eary Middle Ages)

ช่วงศตวรรษที6-10 กรุงโรมถูกทาลาย ผูม้ ค
ี วามรู ้ นักปราชญ ์
หนี ไป
กรุงคอนสแตนติโนเปิ ล ของจักรวรรดิไบเซนไตน์
ในความคุ ้มครองของศาสนาคริสต ์
้ อได ้ว่าเป็ นยุคมืด(Dark Ages)
ยุคนี ถื
ปี ค.ศ.568 คนเยอรมัน ชนเผ่าลอมบาร ์ต( Lombards)
เข ้ารุกราน
พระสันตะปาปาเกรกอรีท1 ี่ ( Pope Gregory 1)
้ ้านอาณาจักรและศาสนจักร
เข ้าควบคุมกรุงสแตนติโนเปิ ลทังด

มีอานาจทังการเมื องและศาสนา
โดยชนเผ่าเยอรมันยอมร ับศาสนาคริสตร ์
้ ยกอีกอย่างหนึ่งว่า “
ศาสนจักรจึงมีอานาจศูงสุด ยุคนี เรี
สมัยแห่งความศร ัทธา(Age of Faith”
สามารถทาให ้ดินแดนต่างๆอยู่ภายใต ้กฎ ศาสนจักร
ปี ค.ศ.800 เป็ นยุคอาณาจักรโรมันเฟื่ องฟู โดย
พระเจ ้าชาลมาญ(Charlemagne)

มีอานาจควบคุมดินแดนต่างๆของโรมันตะวันตกทังหมดทั ้ งอิ
งยั
ทธิพลเหนื อ
คริสต ์ศาสนา จนกระทัง่ ค.ศ.962 พระเจ ้าออตโตที1 ่

ผูน้ าดินแดนเยอรมันเข ้าครอบครองอิตาลีเชือมอ านาจทางการเ
มืองของเยอรมันและอิตาลีเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกัน
1.3 ยุคกลางตอนปลาย (Late Middle Ages)
ประมาณ ค.ศ.1000-1400 ช่วงศตวรรษที่
11อาณาจักรโรมันหมดอานาจ
ความเจริญอยู่ทแคว ี่ ่ั
้นนอร ์มังดีประเทศฝรงเศส
ได ้ช ัยชนะเหนื อชาวอังกฤษ

โดยตังราชวงศ ์ปกครองอังกฤษเรียกว่า “Norman Kings”

จุดเด่นคือเรืองการศึ กษาอย่างกว ้างขวาง เช่น

แพทย ์,กฏหมาย มีการตังมหาวิทยาลัย แปลหนังสือ
รวมถึงความเจริญด ้านสถาปัตยกรรม

ช่วงศตวรรษที12-13 เป็ นช่วงสงครามครู เสด(Crusades)
ประมาณ ค.ศ.1096-1291
เป็ นสงครามศาสนาระหว่าง ศาสนาคริสต ์ และ
่ วงชิงกรุงเยรูซาเล็ม สงครามเกิดขึน้ 8ครง้ั
อิสลามเพือช่
้ั ดท ้ายนครเยรูซาเล็มก็ยงั อยู่ในอานาจพวกมุสลิม
โดยครงสุ
่ เกิดสงครามร ้อยปี
ช่วงศตวรรษที14
เป็ นสงครามแย่งดินแดนระหว่างอังกฤษกับฝรงเศส ่ั ประมาณ
ค.ศ.1337-1453
้ ดสงครามร ้อยปี ถือเป็ นการสินสุ
ภายหลังสินสุ ้ ดของอาณาจักรโ
รมันตะวันออกหรือไบเซนไตน์
่ อท
1.4 สภาพสังคมยุโรปทีมี ิ ธิพลต่อดนตรีในยุคกลาง
ศาสนาคริสต ์มีอท ิ ธิพลมาก ศูนย ์กลางอยูท ่ กรุี่ งโรม
โดยมีพระสันตะปาปา(Pope)เป็ นหัวหน้า
นับถือพระเจ ้าใช ้ชีวต ิ อย่างเรียบง่าย
คนทีมี่ ความทุกข ์หรือยากจนจะเข ้าถึงพระเจ ้ามากกว่าคนมังมี ่
ความเชือนี ่ เป็
้ นส่วนสาคัญทาให ้ยุคกลาง
อยู่ได ้เป็ นเวลายาวนานเกิอบ1,000ปี การศึกษาดนตรีเป็ นดนตรีทเี่

กียวข ้องกับศาสนา(โรมันคาทอลิค)เป็ นเพลงร ้องสาหร ับใช ้ในพิธ ี
กรรม เรียกว่าดนตรีในวัด(Sacred Music)
้ อสรรเสริ
เกิดขีนเพื ่ ญพระเจ ้าโดยเนือร ้ ้องส่วนใหญ่ก็คอื บทสวดต่า
งๆ ในคัมภีร ์
ดนตรีอก ี แบบหนึ่งก็คอื ดนตรีชาวบ้าน(Secular
Music)มีไว ้ตอบสองความพึงพอใจของบรรดาเจ ้านายและมนุ
ษย ์ในสมัยนั้น เป็ นเพลงเต ้นราและเพลงบรรเลง
สมัยนี เริ้ มมี
่ การบันทึกโน้ตเกิดขึนเป็ ้ นครงแรก้ั
2.เพลงสวด (Chant)
2.1 ลักษณะทางดนตรีของเพลงสวด
2.2 บทบาทของเพลงสวด
2.3 ประเภทของเพลงสวด

You might also like