Professional Documents
Culture Documents
ความพยายามจะครอบงำและบิดเบือนความจริง “ข้อเท็จจริงทางเลือก” —
alternative facts ที่ฌอน สไปเซอร์ และทีมงานของโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่ามีคน
มาร่วมงานพีธีสาบานตนของโดนัลด์ ทรัมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งที่มี
ภาพถ่ายให้เห็นชัดเจนว่าคนมาร่วมงานน้อยมาก ข้อเท็จจริงทางเลือกก็ไม่ต่าง
ไปจากการบินเบือนที่อ้างอิงในนิยายว่า
มีเสรีภาพพอจะพูดว่าสองบวกสองทำให้สี่ “แม้ว่าพรรคจะบังคับให้เขายอมรับ
ว่า สองบวกสองเท่ากับห้า
ความคิดแบบชาตินิยมแบบที่โดนัลด์ ทรัมป์กำลังโฆษณาชวนเชื่อว่าจะทำให้
อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง ก็ไม่ต่างจากแนวคิดของ “พี่ใหญ่” ที่ครอบงำโดยมอบ
ความฝันต่อประชาชนว่าจะรวยด้วยล็อตตารี เชื่อตามท่านผู้นำว่า สงครามคือ
สันติภาพ เสรีภาพคือการเป็นทาส และความไม่รู้คือพลัง
เกี่ยวกับหนังสือ
ช่วงระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม ค.ศ. ๑๙๔๓ มีการประชุม
ครั้งสำคัญที่สถานฑูตสหภาพโซเวียตประจำอีหร่าน เรียกว่าการประชุม
เตหะราน (Tehran Conference) ระหว่าง โจเซฟ สตาลิน ผู้นำสหภาพโซเวียต ธี
โอดอร์ แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และ วินสตัน เชอร์ชิ
ลล์นายกรัฐมนตรีอังกฤษ สามประเทศที่เป็นสามยักษ์ใหญ่ เหตุการณ์นี้และการ
แบ่งขั้วเลือกข้างในสงครามโลกครั้งที่สองเป็นแรงบันดาลใจให้จอร์จ ออร์เวลล์
นำมาใช้เป็นสภาพจำลองของโลกใน 1984 จอร์จ ออร์เวลล์เคยร่วม
สงครามกลางเมืองสเปน ช่วงระหว่างค.ศ. ๑๙๓๖ — ๑๙๓๙ โดยอยู่ฝ่ายพรรค
แรงงานสามัคคีนิยมมาร์กซิสต์ แต่แล้วพบว่ากลุ่มผู้นำพรรคเริ่มเปลี่ยนจากลัทธิ
คอมมิวนิสต์เป็นเผด็จการสมบูรณ์แบบ ฟรานซิสโก ฟรานโกเป็นผู้นำสเปน
ตั้งแต่ปฏิวัติสำเร็จในปีค.ศ. ๑๙๓๙ และดำรงตำแหน่งผู้นำจนกระทั่งเสียชีวิตใน
ปีค.ศ. ๑๙๗๕
ระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ (totalitarianism)
ระบบการปกครองใน 1984 เป็นระบบเผด็จการสมบูรณ์แบบ ครอบงำความคิด
จากก้นบึ้งของความติด ผ่านสี่กระทรวงคือ กระทรวงสันติภาพ (สำหรับทำ
สงครามเพื่อสันติภาพ) กระทรวงความจริง (สำหรับเผยแพร่ความจริงจากรัฐ)
กระทรวงเศรษฐกิจ (สำหรับควบคุมการลงทุนและระบบการเงิน) กระทรวงความ
รัก (สำหรับควบคุมคัดสรรและคัดเลือกเผ่าพันธุ์ประชากร)
ลดความเป็นปัจเจกชน
สภาพหนึ่งในโอเชียเนียที่น่าสนใจคือ ไม่ปล่อยพื้นที่ว่างสำหรับปัจเจกชนทุกสิ่ง
อยู่ภายใต้การเฝ้าดูของพรรคอิงซ็อค ทุกหนแห่งในโอเซียเนียจะมีเทเลสกรีน
หรือจอภาพขนาดใหญ่ฉายภาพโฆษณาชวนเชื่อและข้อความสื่อสารสั่งการของ
พี่ใหญ่ แม้แต่ในบ้านซึ่งเป็นสถานที่ส่วนตัวก็ไม่เว้น จอภาพนี้ปิดไม่ได้และยังทำ
หน้าที่เป็นกล้องโทรทัศน์คอยจับตาการเคลื่อนไหวพูดคุย ไม่ว่าใครก็ไม่มีเวลา
คิดหรือพูดคุยซึ่งจะนำไปสู่การจับกลุ่มคิดและทำตัวแปลกแยกไปจากสังคมที่
พรรคชี้นำ การกระทำมีทั้งแบบเปิดเผยและแอบแฝง เช่นโอไบรอัน บุคคลที่วินส
ตันคิดว่าจะเป็นเพื่อนต่อต้านรัฐ กลับกลายเป็นสายลับของรัฐ
ความเชื่อลวง (Pseudophilosophy)
ความสำเร็จของพรรคอิงซ็อคเกิดจากทำให้ประชาชนมีความเชื่อแบบผิด ๆ
อย่างคำขวัญของพรรคคือ สงครามคือสันติภาพ เสรีภาพคือการเป็นทาส ความ
ไม่รู้คือพลัง ด้วยเหตุนี้ชนชั้นแรงงานจึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งจอภาพในบ้าน
เหมือนสมาชิกพรรควงนอก เพราะพรรคล้างสมองเบ็ดเสร็จ แต่ก็ยังมีสายลับ
คอยแทรกซึมเพื่อกำกับอีกชั้นหนึ่ง
การสร้างความเชื่อลวงแบบนี้ขึ้นมาได้ต้องควบคุมการรับรู้ทุกวิถีทาง ซึ่งทำได้
ยากในปัจจุบันที่อินเตอร์เน็ตเข้าถึงทุกที่ แต่ก็มีเช่นประเทศจีนจำกัดการรับรู้ด้วย
วิธีการหลากหลาย หรือเกาหลีเหนือที่ควบคุมทุกสื่อ หรือแม้แต่ประเด็นซิงเกิล
เกตเวย์ที่เคยพูดถึงในประเทศไทย
ด้วยวิธีนี้นี้เหมือนฝังความทรงจำลงในหัวเลยว่าจะให้รับรู้เรื่องใดอย่างไร โดย
ใช้เทคนิคเล่นกับความจริง และเป็นการทำให้ประชาชนไม่เชื่อความจริง (หรือ
คิดว่าความจริงคือเรื่องหลอกลวง) หันมาเคารพการนำของพรรคอย่างหมด
หัวใจ ดังที่บอกไว้ในนิยายว่า In the end the Party would announce that
two and two made ^ve, and you would have to believe it. ท้ายที่สุดถ้า
พรรคประกาศว่าสองบวกสองเท่ากับห้าแล้ว คุณก็จะเชื่ออย่างนั้น
ภาษาใหม่ (Newspeak)
การสร้างความจริงลวง ต้องควบคุมความคิดและเครื่องมือสำคัญอีกอย่างคือ
ภาษา โดยพรรคอินซ็อคได้สร้างภาษาใหม่ หรือ Newspeak ขึ้นมาแทน ภาษา
เก่า หรือ Oldspeak ซึ่งหมายถึงภาษาอังกฤษ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือจากชื่อพรรค
English Socialism กลายเป็น Ingsoc หรือ
แต่ภาษาใหม่ไม่ได้มีแค่ใช้แทนคำเดิมหรือใช้เป็นสื่อกลางการสื่อสาร แต่ใช้เป็น
เครื่องมือกำหนดความคิดประชาชน ให้คิดน้อยลงจะได้ปกครองง่ายขึ้น
ภาษาใหม่เปลี่ยนโครงสร้างไวยากรณ์ทั้งหมดและให้เหลือคำศัพท์น้อยลง คำที่
ใช้แทนกันได้จะยุบให้เหลือเพียง ๑ เดียวโดยไม่สนใจว่าเป็นคำนามหรือกริยา
เช่น เช่นจะไม่ใช้ Thought ให้ใช้ Think เช่นในนิยายใช้คำว่า Crimethink แต่
ตามหลักภาษาจะต้องใช้ Thoughtcrime หรือ Good ถ้าเป็นคำตรงข้ามให้ใช้
Ungood แทนที่จะเป็น Bad ขณะเดียวกัน บางคำก็เลือกเก็บคำที่มีความหมาย
เชิงลบเอาไว้ เช่น ไม่เย็น (Uncold) ใช้แทน อุ่น (Warm) เพราะคำว่าเย็นจะให้
ภาพทางลบ คำในกลุ่มนี้จึงใช้ Uncold (ไม่เย็น) Cold (เย็น) Pluscold (หนาว)
และ Doublepluscold (หนาวมาก)
โดยเชื่อว่ายิ่งศัพท์น้อยลงเท่าไหร่จะทำให้คนคิดน้อยลงและยิ่งโง่มากขึ้น
สามารถควบคุมได้ง่าย เขียนถึงตรงนี้แล้วนึกถึงสมัยปฏิวัฒนธรรมของจีนช่วง
ปีค.ศ. ๑๙๖๖ เป็นต้นมาจนเหมาเจ๋อตุงเสียชีวิต และก็นึกถึงสมัย จอมพล ป.
พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วสั่งปรับปรุงวัฒนธรรมและภาษาไทย
1984 โลกไม่พึงประสงค์
นิยาย 1984 สร้างโลกที่น่ารังเกียจและหวาดกลัวภายใต้ระบบเผด็จการสมบูรณ์
แบบ โดยเน้นล้างสมองสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง และท้าย
สุดสร้างบรรยากาศความกลัวเพื่อให้ปกครองง่าย มีตำรวจความคิดตามจับคน
ที่คิดออกนอกลู่นอกทาง และไม่มีใครไว้วางใจเพราะคนที่คุยด้วยอาจะเป็น
สายลับของพรรค
การเอ่ยอ้างความเท่าเทียมซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเท่าเทียม แม้จะบอกว่าทุก
คนจะเท่าเทียมด้วยความรักและเมตตา แต่ความจริงโอเชียเนียมีชนชั้นสาม
ระดับ คือ “สมาชิกพรรคระดับวงใน” (Inner Party) ที่เป็นระดับผู้นำ “สมาชิก
พรรคระดับวงนอก” (Outer Party) เป็นเจ้าหน้าที่คอยรับใช้และทำตาม “คนใน
พรรค” สั่ง และสุดท้ายคือประชากร ๘๕ เปอร์เซ็นต์ในประเทศเป็นแค่โพรล
(Proles หรือ Proletariat แปลว่าชนชั้นแรงงานก็ได้ ประชาชนธรรมดาสามัญ
ก็ได้)
น่าสังเกตว่าพี่ใหญ่ไม่ได้สนใจเฝ้ามองชนชั้นแรงงานเข้มงวดเต็มร้อย อย่างที่เฝ้า
ดูสมาชิกวงนอกและวงใจพรรคเพราะมองว่าคนกลุ่มนี้มีหน้าที่แค่ทำงานและ
สืบพันธุ์ แต่พรรคให้ความหวังและความฝันว่าชนชั้นแรงงานเหล่านี้มีอิสระเสรี
พรรคใช้เครื่องจักรผลิตความบันเทิงหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นเพลง นิยาย
และสื่ออื่น ๆ เพื่อหลอกให้ชนชั้นแรงงานเหล่านี้เพ้อฝันไปวันวัน ใช้ชีวิตหมกมุ่น
เรื่องทางเพศ เป็นผลงานอะไรก็ได้ที่จะไม่มีเนื้อหาอะไรให้คนอ่านสะดุดใจคิด
เรื่องต่อต้านพรรค ปล่อยให้ชนชั้นแรงงานเพ้อฝันว่าจะรวยด้วยสลากกินแบ่ง มี
การซื้อขายสินค้าเสรีที่ความจริงแล้วไม่เสรีจริงเพราะระบบเศรษฐกิจและผลิตผล
ทุกประการล้วนอยู่ในมือพรรค ขณะเดียวกันสายลับของพรรคจะแทรกซึมคอย
ปล่อยข่าวลือ และกำจัดคนที่มีแนวโน้มจะแปลกแยกต่อต้านพรรค