You are on page 1of 10

•สรุปประเด็นทีเป็ ่ นหัวใจของพระธรรมนู ญศาล

ยุตธ
ิ รรม
๑. ตาแหน่ งและอานาจหน้าทีของผู ่ พ
้ พ ่ น
ิ ากษาทีเป็
หัวหน้า และผู ท ้ าการแทน
๒. อ านาจของผู พ ้ ิพ ากษาที่เป็ นหัว หน้ า และผู ท้ า
การแทนในการแก้ปัญหาใน กรณี มเี หตุสุดวิสย ั หรือ
่ ันมิอาจก้าวล่วงได้ทาให้ผูพ
มีเหตุจาเป็ นอืนอ ้ พ
ิ ากษา
่ นองค ์คณะในการพิจ ารณาคดีน้ันไม่ อ าจนั่ ง
ซึงเป็
พิจารณา หรือทาคาพิพากษาคดีนนต่ ้ั อไปได้
๓. เขตอานาจศาล
๔. อานาจของผู พ ้ พิ ากษาคนเดียว
๕. องค ์คณะผู พ้ พ ิ ากษา
๖. การจ่ายสานวนคดี
•ตาแหน่ งและอานาจหน้าทีของผู ่ พ
้ พ ่ น
ิ ากษาทีเป็
หัวหน้าและผู ท้ าการแทน
่ นหัวหน้ำ (มำตรำ ๘
•ตำแหน่ งของผู ้พิพำกษำทีเป็
มำตรำ ๙ และมำตรำ ๑๓)
•(๑) ตำแหน่ งตำมมำตรำ ๘
• (๒) ตาแหน่ งตามมาตรา ๙
•(๑) ส ำหร บ ั ต ำแหน่ งผู พ ้ ิพ ำกษำหัว หน้ำ ศำลจัง หวัด
หรือผูพ ิ ำกษำหัวหน้ำศำลแขวงตำมมำตรำ ๙ นั้น พึง
้ พ
สัง เกตว่ ำ ไม่ มี ต ำแหน่ งรองฯ เหมื อ นต ำแหน่ งของ
ประธำนศำล หรือ อธิบ ดีผู พ ้ ิพ ำกษำศำลใหญ่ ๆ ตำม
มำตรำ ๘
•(๒) ปั จ จุบ นั นี ้ คณะกรรมกำรตุ ล ำกำรศำลยุ ต ิธ รรม
(ก.ต.) ได ม้ ีม ติต งต ้ั ำแหน่ งผู พ ้ ิพ ำกษำรองผู พ ้ ิพ ำกษำ
หัวหน้ำศำล ขึนก็ ้ ดว้ ยวัตถุประสงค ์เพือให ่ ม้ ี ผู ้
พิ พ ำ ก ษ ำ ที่ มี อ ำ วุโ ส สู ง ป ร ะ จ ำ อ ยู่ ใ น ศ ำ ล ช ้ัน ต ้น
ต่ ำ งจัง หวัด ทั่วประเทศ แต่ ต ำแหน่ งผู ้
พิพำกษำรองผูพ ้ พิ ำกษำหัวหน้ำศำล หำใช่ตำแหน่ งรอง
•(๓) ตาแหน่ งตามมาตรา ๑๓
•(ก) ตำแหน่ งอธิบดีผพ
ู้ พิ ำกษำภำค
•มำตรำ ๑๓ วรรคหนึ่ ง กำหนดให ้มีตำแหน่ งอธิบดีผู ้
พิพำกษำภำค ภำคละหนึ่ งคน จำนวนเก ้ำภำค
้ ทั
ครอบคลุมพืนที ่ วประเทศ

•(ข) ตำแหน่ งรองอธิบดีผูพ ้ พ
ิ ำกษำภำค
•มำตรำ ๑๓ วรรคหนึ่ ง กำหนดให ้มีตำแหน่ งรองอธิบดีผู ้
พิพำกษำภำค ภำคละ ๓ คน ในกรณี ทมี ี่ ควำมจำเป็ น

เพือประโยชน์ ในทำงรำชกำร คณะกรรมกำรบริหำรศำล
ยุตธิ รรมโดยควำมเห็นชอบของประธำนศำลฎีกำ จะ
กำหนดให ้มีรองอธิบดีผพ ู้ พ
ิ ำกษำภำคมำกกว่ำ ๓ คน
•ข้อสังเกต
•๑) รองอธิบดีผูพ ้ พ
ิ ำกษำภำค เป็ นผูพ ้ พิ ำกษำในศำลที่
อยู่ในเขตอำนำจด ้วย โดยให ้มีอำนำจตำมทีก ่ ำหนดไว ้
ในมำตรำ ๑๑ วรรคหนึ่ ง (๒) และให ้มีหน้ำทีช่ ่ วยอธิบดี
ผูพ
้ พิ ำกษำภำคตำมทีอธิ ่ บดีผูพ
้ พ
ิ ำกษำภำคมอบหมำย
(มำตรำ ๑๔ วรรคสอง)
•ดังนั้น อำนำจตำมมำตรำ ๑๑ (๑) เฉพำะทีว่่ ำ “...เมือ ่
ได้ตรวจสานวนคดีใดแล้วมีอานาจทาความเห็น
แย้งได้” จึงเป็ นอำนำจของอธิบดีผพ ู้ พิ ำกษำภำค
เท่ำนั้น รองอธิบดีผูพ ้ พิ ำกษำภำค หำกมิได ้ร่วมเป็ นองค ์
คณะด ้วย ย่อมไม่อำนำจตรวจสำนวนและทำควำมเห็น
แย ้งได ้ เว ้นแต่จะได ้ร ับมอบหมำยจำกอธิบดีผพ ู้ พ
ิ ำกษำ
•๒) รองอธิบดีผูพ ้ พ
ิ ำกษำภำค มีอำนำจตำมมำตรำ ๒๘
(๓) และมำตรำ ๒๙ (๓) ในอันทีจะแก ่ ้ปัญหำในศำลทุก
่ ่ในเขตภำค และเป็ นอำนำจของรองอธิบดีผู ้
ศำลทีอยู
พิพำกษำภำคทุกคน โดยไม่จำต ้องได ้ร ับมอบหมำยจำก
อธิบดีผูพ
้ พ
ิ ำกษำภำค อีกทังไม่ ้ จำต ้องเป็ นรองอธิบดีผู ้
พิพำกษำภำคทีมี ่ อำวุโสสูงสุดเหมือนกรณี เป็ นผูท้ ำกำร
แทนอธิบดีผูพ ้ พิ ำกษำภำคตำมมำตรำ ๑๓ วรรคสอง
ด ้วย
•๓) อธิบดีผูพ้ พิ ำกษำภำคเป็ นผูพ ้ พ
ิ ำกษำในศำลทีอยู ่ ่ใน
เขตอำนำจด ้วยผู ้หนึ่ ง มีอำนำจหน้ำทีในศำลทุ่ กศำลที่
อยู่ภำยในเขตอำนำจและมีอำนำจตำมทีก ่ ำหนดไว ้ใน
มำตรำ ๑๑ วรรคหนึ่ ง ด ้วย (มำตรำ ๑๔) แต่ตำแหน่ ง
•๔) อธิบดีผูพ ้ พ ิ ำกษำภำค และรองอธิบดีผูพ ้ พ ิ ำกษำ
ภำคไม่มอ ี ำนำจหน้ำทีร่ ับผิดชอบในกำรจ่ำยสำนวนคดี
ตำมมำตรำ ๓๒
•๕) อธิบดีผูพ ้ พ ิ ำกษำภำค และรองอธิบดีผูพ ้ พ ิ ำกษำ
ภำคไม่มอ ี ำนำจในกำรเรียกคืนหรือโอนสำนวนคดี
้ มอ
รวมทังไม่ ี ำนำจร ับคืนสำนวนคดีตำมมำตรำ ๓๓
•๖) อธิบดีผูพ ้ พ ิ ำกษำภำค และรองอธิบดีผูพ ้ พ ิ ำกษำภำค
คนใดคนหนึ่ ง มีอำนำจตำมมำตรำ ๒๘ (๓) และมำตรำ
๒๙ (๓) ในอันทีจะแก ่ ี่
้ปัญหำในกรณี ทศำลทุ ่ ่
กศำลทีอยู
ภำยในเขตอำนำจของตนมีปัญหำในกรณี ทมี ี่ เหตุ
สุดวิสยั หรือมีเหตุจำเป็ นอืนอั ่ นมิอำจก ้ำวล่วงได ้ ทำให ้ผู ้
พิพำกษำซึงเป็ ่ นองค ์คณะในกำรพิจำรณำคดีน้ัน ไม่
•๗) ตำมมำตรำ ๒๘ (๓) อธิบดีผูพ ้ พิ ำกษำภำค
นอกจำกมีอำนำจนั่งพิจำรณำแทนผูพ ้ พ
ิ ำกษำซึงเป็ ่ น
องค ์คณะในกำรพิจำรณำคดีทมี ี่ เหตุจำเป็ นอืนอั ่ นไม่อำจ
ก ้ำวล่วงได ้จนไม่สำมำรถนั่งพิจำรณำคดีตอ ่ ไปได ้แล ้ว ยัง

มีอำนำจทีจะมอบหมำยให ้ผูพ้ พ
ิ ำกษำในศำลชนต ้ั ้นของ
ศำลนั้นให ้มีอำนำจนั่งพิจำรณำแทนผู ้พิพำกษำทีมี ่ เหตุ
จำเป็ นเช่นว่ำนั้นได ้ด ้วย แต่รองอธิบดีผูพ ้ พ
ิ ำกษำภำค มี
แต่เพียงอำนำจนั่งพิจำรณำแทนได ้เท่ำนั้น หำมีอำนำจ
มอบหมำยเหมือนอธิบดีผพ ู้ พ ิ ำกษำภำคไม่
•๘) อธิบดีผูพ ้ พ
ิ ำกษำภำค มีอำนำจตำมมำตรำ ๑๔ (๒)
กล่ำวคือในกรณี จำเป็ นจะสังให ่ ้ผูพ ้ พิ ำกษำคนใดคนหนึ่ ง
ในศำลทีอยู่ ่ในเขตอำนำจของตนไปช่วยทำงำนชวครำว ่ั
• (๑) ต ้องเป็ นกรณี มค ี วำมจำเป็ น เช่น มีผูพ ้ พ ิ ำกษำใน
ศำลในเขตภำคของตนประสบอุบต ั เิ หตุได ้ร ับบำดเจ็บ
หลำยคน ทำให ้ผูพ ้ พ ิ ำกษำในศำลนั้นมีไม่เพียงพอ
กับปริมำณคดี เป็ นต ้น
• (๒) ผูพ ้ พิ ำกษำทีสั ่ งไปช่
่ วยทำงำนชวครำว ่ั ต ้องเป็ นผู ้
พิพำกษำทีอยู ่ ่ในเขตอำนำจของตน และต ้องไปช่วย
ทำงำนชวครำว ่ั ในศำลทีอยู ่ ่ในเขตอำนำจของตน
เท่ำนั้น(๑)
• (๓) ผูพ้ พิ ำกษำทีถู ่ กสังให ่ ้ไปช่วยทำงำนชวครำว ่ั ต ้อง
ยินยอมด ้วย (๒)
• (๔) กำหนดเวลำทีสั ่ งให่ ้ไปช่วยทำงำนชวครำว ่ั มี
กำหนดไม่เกิน ๓ เดือน และต ้องรำยงำนไปยังประธำน
• พึงสังเกตว่ำ กฎหมำยได ้กำหนดหลักเกณฑ ์กำรทีอธิ ่ บดี
ผูพ
้ พ
ิ ำกษำภำค จะใช ้อำนำจตำมมำตรำ ๑๔ (๒) ไว ้
อย่ำงเคร่งคร ัด หำกอธิบดีผูพ ้ พิ ำกษำภำคปฏิบต ั ิ ไม่
ถูกต ้องตำมหลักเกณฑ ์ข ้อใดข ้อหนึ่ งดังกล่ำว ย่อมเป็ น
กำรไม่ชอบด ้วยกฎหมำย คำสังนั ่ ้นย่อมไม่มผ ี ลและพลอย
ทำให ้ผู้พพ ่ กสังไปช่
ิ ำกษำทีถู ่ ่ั
วยทำงำนชวครำวนั ้นไม่มี
อำนำจพิจำรณำพิพำกษำคดีในอีกศำลหนึ่ งด ้วย
• ตำมข ้อสังเกตข ้อ ๔) และข ้อ ๕) ทีว่่ ำอธิบดีผูพ ้ พ
ิ ำกษำ
ภำคและรองอธิบดีผูพ ้ พ
ิ ำกษำภำคไม่มอ ี ำนำจหน้ำทีร่ ับ
ผิดในกำรจ่ำยสำนวนคดี และไม่มอ ี ำนำจในกำรเรียกคืน
หรือโอนสำนวนคดีของศำลทีอยู ่ ่ในเขตภำคนั้น หำก
อธิบดีหรือรองอธิบดีผูพ ้ พ ิ ำกษำภำคใช ้อำนำจโดยไม่ชอบ
ไปดำเนิ นกำรดังกล่ำวเข ้ำ องค ์คณะผูพ ้ พิ ำกษำใหม่ที่

You might also like