Professional Documents
Culture Documents
ชานนท์ ชิงชยานุรักษ์
คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เนื้อหา
• แนวคิดเบื้องต้นเกีย่ วกับผลตอบแทนและความเสี่ยง
• คำานวณหาอัตราผลตอบแทน (Expected Return)
• การวัดความเสี่ยง (Risk Measurement) โดยคำานวณจาก
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
• สัมประสิทธิ์ความแปรปรวน (Coefficient of Variation)
• ความเสี่ยงแบบเป็นระบบและแบบไม่เป็นระบบ (Systematic/
Unsystematic Risk)
การลงทุน (Investment)
การลงทุน (Investment)
การที่ธุรกิจได้จา่ ยเงินทุนออกไปเพื่อกิจกรรมหนึ่งในวันนี้
โดยธุรกิจหวัง “ผลตอบแทน”จากกิจกรรมในวันข้างหน้า
วัตถุประสงค์ในการลงทุน
การชะลอการบริโภคหรือใช้จา่ ยในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นการเพิ่มพูนความมั่งคั่งของเราเพื่อหวังว่าเราสามารถบริโภค
หรือใช้จา่ ยได้มากขึ้นในอนาคตและได้รบั ความพอใจกว่า
ผลตอบแทน (RETURN)
เราสามารถวัดผลตอบแทนในรูปของ ???
ผลตอบแทน (RETURN)
• แนวคิดนักการเงินในการพิจารณาผลตอบแทนจะมุ่งเน้นถึง
กระแสเงินสด ที่เกิดจากการลงทุนนั้น ๆ ไม่ใช่กำาไรทางบัญชี
ผลตอบแทน = ???
อัตราผลตอบแทน = ???
ผลตอบแทน (RETURN)
Ex. นาย A ลงทุนเริม่ ต้น 100,000 บาท ตอนต้นปี สิ้นปีได้รับ
เงินสดกลับคืนมาจากการลงทุนนี้ 110,000 บาท
• ในกรณี การลงทุนอาจมีการรับเงินสดในระหว่างปี
และสามารถตีราคามูลค่าของการลงทุนในวันสิ้นงวดได้
ผลตอบแทน (RETURN)
อัตราผลตอบแทน = (เงินสดรับปลายงวด – เงินลงทุนต้นงวด) + เงินสดรับระหว่างงวด x 100
เงินลงทุนต้นงวด
จากตัวอย่างเดิม สมมติว่าในระหว่างปีผู้ลงทุนได้รับเงินคืน
5,000 บาท หาอัตราผลตอบแทนได้ ???
ผลตอบแทน (RETURN)
ผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทต่าง ๆ
– ลงทุนในหุน้ สามัญและหน่วยลงทุน
– ลงทุนในหุน้ กู้
– ลงทุนในโครงการต่าง ๆ
ผลตอบแทน (RETURN)
ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสามัญ :
• ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ABC จำากัดเมื่อต้นปีที่ราคา
100 บาท ปลายปีได้รับเงินปันผล 5 บาท หลังจากนั้น
ขายหุน้ ไปได้ราคา 120 บาท
อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสามัญ ของ ABC
เป็นเท่าไร ???
ผลตอบแทน (RETURN)
ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสามัญ :
• ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ABC จำากัดเมื่อต้นปีที่ราคา
100 บาท ปลายปีได้รับเงินปันผล 5 บาท หลังจากนั้น
ขายหุน้ ไปได้ราคา 120 บาท
อัตราผลตอบแทน = เงินปันผล + (ราคาขาย - ราคาซื้อ)
ราคาซื้อ
ผลตอบแทน (RETURN)
ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้ :
• ซื้อหุ้นกู้ของบริษัท XYZ จำากัดเมื่อต้นปีที่ราคา 95 บาท
ปลายปีได้รับดอกเบี้ย 7 บาท หลังจากนั้นขายหุ้นกู้
ไปได้ราคา 97 บาท
อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้ ของ XYZ เป็นเท่าไร ???
ผลตอบแทน (RETURN)
ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้ :
• ซื้อหุ้นกู้ของบริษัท XYZ จำากัดเมื่อต้นปีที่ราคา 95 บาท
ปลายปีได้รับดอกเบี้ย 7 บาท หลังจากนั้นขายหุ้นกู้
ไปได้ราคา 97 บาท
อัตราผลตอบแทน = ดอกเบีย ้ รับ + (ราคาขาย
- ราคาซ้ือ)
ราคาซ้ือ
Expected Return & Uncertainty
ผลตอบแทน
ที่คาดว่าจะได้รบั
เนื่องจากผลของการลงทุน (Expected Return)
เป็นเรือ่ งที่จะเกิดในอนาคต
ดังนั้น การลงทุน ต้องพิจารณาถึง ความไม่แน่นอน
ของผลตอบแทนดังกล่าว
(Uncertainty)
ความเสี่ยง (RISK)
ความไม่แน่นอน (Uncertainty)
– ความไม่รวู้ ่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตแน่
ความเสี่ยง (Risk)
– อัตราของความไม่แน่นอนว่ามีมากน้อยเพียงใด
ทัศนคติที่มีต่อความเสี่ยง (Risk Attitude)
กลัวความเสี่ยง
Expected Return
เฉย ๆ กับความเสี่ยง
รักความเสี่ยง
Risk x1 x2
การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
ในการประเมินความเสี่ยงอย่างง่ายสามารถทำาโดย
- การวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity Analysis)
สินทรัพย์ A สินทรัพย์ B
เงินลงทุนเริ่มแรก 10,000บาท 10,000บาท
อัตราผลตอบแทนต่อปี
pessimistic 13% 7%
most likely 15% 15%
optimistic 17% 23%
พิสัย (range) 4% 16%
การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
ในความเป็นจริงเหตุการณ์ 3 ระดับมีโอกาสเกิดไม่เท่ากัน
- การแจกแจงความน่าจะเป็น (Probability distributions)
สินทรัพย์ A สินทรัพย์ B
เงินลงทุนเริ่มแรก 10,000บาท 10,000บาท
อัตราผลตอบแทนต่อปี
pessimistic (25%) 13% 7%
most likely (50%) 15% 15%
optimistic (25%) 17% 23%
พิสัย (range) 4% 16%
การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
Range B
Range A
0.5
0.4
0.3
0.2
0.1
0
0 5 10 15 20 25
การประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)
ข้อจำากัดของการใช้พิกัด
Range Z
Range Y
Range X
0.5
0.4
0.3
0.2
0.1
0
0 5 10 15 20 25
การวัดความเสี่ยง (Risk Measurement)
การวัดความเสี่ยง หรือ
การวัดการกระจายหรือความผันผวนของผลตอบแทนที่เกิดขึ้นว่าห่า
งจากค่าที่คาดหวังไว้อย่างไร
นอกเหนือจากการประเมินความเสี่ยงจากการวัดพิสัยแล้ว
วิธที ี่นิยมใช้วัดความเสี่ยงและเหมาะสมที่สุด คือ
การหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ( , SD ,Standard Deviation)
การวัดความเสี่ยง (Risk Measurement)
การหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
σ= ∑ (R − R )
i
2
( Pi )
R= อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง
Ri = อัตราผลตอบแทนสำาหรับความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น
Pi = ความน่าจะเป็นของผลตอบแทนที่เกิดขึ้น
N = จำานวนรวมของความเป็นไปได้
อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง
(Expected Risk of Return, R )
อัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับในอนาคตโดยที่ยังมี
ความไม่แน่นอนของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
i =1
R = ∑ (Ri) (Pi)
i =1
ผลที่ เป ็นไป ได้ ความ น่าจ ะเป็ อัต ราผล ตอบแท มูล ค่ าถ่วง นำำา ห
น Pi น Ri นักPi Ri
สิน ทร ัพ ย์ A x
pessimistic .25 13% 3.25%
most likely .50 15% 7.50%
optimistic .25 17% 4.25%
1.0 R = 15.00%
สิน ทร ัพ ย์ B
pessimistic .25 7% 1.75%
most likely .50 15% 7.50%
optimistic .25 23% 5.75%
1.0 R = 15.00%
การวัดความเสี่ยง (Risk Measurement)
การหาค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
σ= ∑ (R − R )
i
2
( Pi )
R= อัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง
Ri = อัตราผลตอบแทนสำาหรับความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้น
Pi = ความน่าจะเป็นของผลตอบแทนที่เกิดขึ้น
N = จำานวนรวมของความเป็นไปได้
สินทรัพย์ A
ผลที เ่ ป็นไ ปไ Ri R Ri − R ( Ri − R ) 2
Pi Pi ( Ri − R ) 2
ด้ (i)
1 13 15% -2% 4% .25 1%
2 15 15% 0% 0% .50 0%
3 17 15% 2% 4% .25 1%
∑ i
( R − R ) 2
( Pi ) 2%
σ= ∑ (R − R )
i
2
( Pi ) = 2 = 1.41%
สินทรัพย์ B
ผลที เ่ ป็นไ ปไ Ri R Ri − R ( Ri − R ) 2
Pi Pi ( Ri − R ) 2
ด้ (i)
1 7 15% -8% 64% .25 16%
2 15 15% 0% 0% .50 0%
3 23 15% 8% 64% .25 16%
∑ i
( R − R ) 2
( Pi ) 32%
σ= ∑ (R − R )
i
2
( Pi ) = 32 = 5.66%
การวัดความเสี่ยง (Risk Measurement)
ขั้นที่ 1 คำานวณหาค่าผลตอบแทนที่คาดหวัง
ขั้นที่ 2 คำานวณหาค่าส่วนที่เบี่ยงเบนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละกรณี
กับผลตอบแทนทีค่ าดหวัง
ขั้นที่ 3 ยกกำาลังสองส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของแต่ละเหตุการณ์
ขั้นที่ 4 ถ่วงนำ้าหนักส่วนเบี่ยงเบนยกกำาลังสองที่คำานวณได้จากขั้นที่ 3
ด้วยความน่าจะเป็นของแต่ละเหตุการณ์
ขั้นที่ 5 รวมค่าถ่วงนำ้าหนักที่คำานวณได้จาก ขั้นที่ 4 ค่าที่ได้ คือ
ความแปรปรวน
ขั้นที่ 6 ถอดรากทีส่ องของผลที่ได้จากขั้นที่ 5 จะได้คา่ ส่วนเบีย่ งเบน
มาตรฐาน
Probability distribution
สิน ทร ัพ ย์ A
สิน ทร ัพ ย์
B
30
Project 3 Project 5
Expected Return (%)
25
Project 2
20
15
Project 1
Project 4
10
0
0 10 20 30 40 50
25 I1
(%)
Expected Return
20
15 I2
10
5
I3 I4
0
0 10 20 30 40 50
30
Project 3 Project 5
Expected Return (%)
25
Project 2
20
15
Project 1
Project 4
10
0
0 10 20 30 40 50
โครงการ R SD
A 20% 30%
B 25% 35%
สัมประสิทธิ์ความแปรปรวน
(Coefficient of Variation)
โครงการ A, CV = 1.5
โครงการ B, CV = 1.4
สัมประสิทธิ์ความแปรปรวนเป็นการวัดความเสี่ยงต่อหนึ่งหน่วยขอ
งผลตอบแทนที่คาดหวัง
เมื่อสัมประสิทธิ์ความแปรปรวนสูงโอกาสความเสี่ยงจากการลงทุนจ
ะสูงตามไปด้วย
ประเภทของความเสี่ยง
• ความเสี่ยงที่เป็นระบบ
(systematic risk, undiversifiable risk, market risk, macro risk)
• ความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ
(unsystematic risk, diversifiable risk, specific risk, micro risk)
ความเสี่ยงทั้งสองประเภทต่างกันอย่างไร ???
ความเสี่ยงทีไ่ ม่เป็นระบบ
• ความเสีย่ งที่ไม่ได้เกิดโดยสภาพแวดล้อมรวม
เป็นความเสี่ยงเฉพาะตัว ได้แก่
• ความเสี่ยงในการดำาเนินธุรกิจ (business risk)
• ความเสี่ยงทางการเงิน (financial risk)
ความเสี่ยงทีไ่ ม่เป็นระบบ
ความเสีย่ งในการดำาเนินธุรกิจ (business risk)
• เป็นความเสี่ยงเกี่ยวกับกระแสเงินสดรับและจ่ายที่เกิด
ขึน้ จริงไม่เป็นไปตามทีค่ าดไว้
ความเสี่ยงทีไ่ ม่เป็นระบบ
ความเสีย่ งในการดำาเนินธุรกิจ (business risk)
• ความไม่แน่นอนของ กระแสเงินสดรับ
• ภาวะการแข่งขัน
• การคาดคะเนที่เกี่ยวกับคู่แข่ง
• ราคาขายและยอดขายที่แตกต่างจากการประมาณไว้
ความเสี่ยงทีไ่ ม่เป็นระบบ
ความเสีย่ งในการดำาเนินธุรกิจ (business risk)
• ความไม่แน่นอนของ กระแสเงินสดจ่าย
• การไม่สามารถควบคุมต้นทุนการดำาเนินงาน
• ต้นทุนคงที่ (fixed cost)
• ต้นทุนผันแปร (variable cost)
ความเสี่ยงทีไ่ ม่เป็นระบบ
ความเสีย่ งในการดำาเนินธุรกิจ (business risk)
• เป็นความเสี่ยงเกี่ยวกับกระแสเงินสดรับและจ่ายที่เกิด
ขึน้ จริงไม่เป็นไปตามทีค่ าดไว้
• เกิดจาก
“ความเสี่ยงทางด้านการขายประกอบกับความเสีย่ งทา
งด้านการดำาเนินงาน” เป็นหลัก
ทำาให้กระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับไม่เป็นไปตามที่ค
ความเสี่ยงทีไ่ ม่เป็นระบบ
ความเสีย่ งทางการเงิน (financial risk)
• เป็นความเสี่ยงทีเ่ กี่ยวข้องกับการที่ธุรกิจจัดหาเงินมาใ
ช้ในการดำาเนินงาน
• เงินทุนจากเจ้าของ
• เงินทุนจากเจ้าหนี้
• การกู้ยืมก่อให้เกิดภาระผูกพัน (obligation)
ในการชำาระคืนดอกเบี้ยและเงินต้น
ความเสี่ยงที่เป็นระบบ
• ความเสี่ยงที่ เกิดจากระบบโดยรวม เช่น ภาวะเศรษฐกิจ
การเมือง สังคม ซึง่ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยง
หรือไม่มีใครสามารถควบคุมได้
• ทุกคนได้รบั ผลกระทบจากความผันผวนของเหตุการณ์เหล่า
นี้ แต่ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับแต่ละหน่วยธุรกิจ
หรือกับแต่ละบุคคลนัน้ อาจจะมีความรุนแรงไม่เท่ากัน
• การวัดผลกระทบนี้
ก็คือการวัดปริมาณความเสีย่ งที่เป็นระบบ
(ซึ่งมักจะรูจ้ ักกันทั่วไปว่า เบต้า (β))
ความเสี่ยงที่เป็นระบบ
• ความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange rate risk)
• ความผันผวนในอัตราดอกเบี้ย (Interest rate risk)
• ความผันผวนในราคาสินค้า วัตถุดบิ (Commodities price
risk)
• ความผันผวนในเหตุการณ์ทางการเมือง (Political risk)
• ความผันผวนในเหตุการณ์ทางสังคม (Social risk)
ลำาดับของการจัดการความเสี่ยงทั้งสอง
• ต้อง diversify ก่อน เพราะไม่มีต้นทุนเพิ่ม
“ don’t put all of your eggs in one basket”
• จากนั้น
ถ้าต้องการลดปริมาณความเสีย่ งที่เป็นระบบ
จึงจะทำาการประกันความเสี่ยง หรือ hedge
ซึง่ มีต้นทุนในการจัดการ
สรุป
• แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับผลตอบแทนและความเสี่ยง
• คำานวณหาอัตราผลตอบแทน (Expected Return)
• การวัดความเสี่ยง (Risk Measurement) โดยคำานวณจาก
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
• สัมประสิทธิ์ความแปรปรวน (Coefficient of Variation)
• ความเสี่ยงแบบเป็นระบบและแบบไม่เป็นระบบ (Systematic/
Unsystematic Risk)
Reference
• อ.สุจรรย์พินธ์ สุวรรณพันธ์, การเงินธุรกิจ 1
• อ.สิริเกียรติ รัชชุศานติ, การเงินธุรกิจ 1
• สุมาลี จิวะมิตร, การบริหารการเงิน 1
• Keown, Martin, Petty, Financial Management Principles and
Application